เป็นอีกหนึ่งนางเอกสายสตรองที่เจอข่าวใหญ่มาอย่างหนัก สำหรับนางเอกหนังร้อยล้าน “ไอซ์ ปรีชญา” ทั้งคดีดังไซยาไนด์ และ ประเด็นร้อนเครียดทั้งเรื่องงานและความรักกับแฟนหนุ่ม “สเตฟาน อิสเลอร์” จนลือไปไกลว่า “สาวไอซ์” เจอมรสุมชีวิตจนติดสินใจกินยาฆ่าตัวตาย ล่าสุดหลังสภาพจิตใจเริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง “สาวไอซ์” ตั้งโต๊ะเคลียร์เราทุกเรื่องดราม่าผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” กับพิธีกรตัวแม่ “หนูแหม่ม สุริวิภา” ประกาศขอกลับมาลุยงานวงการบันเทิงเต็มสตรีม  

 หลายคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย้อนเล่าให้ฟังหน่อย?

“คนคิดว่าหนูคิดสั้น คุณแม่หนูเองก็คิดว่าหนูคิดสั้นหรือเปล่า เพราะว่าตอนที่คุณแม่มาเจอหนู หนูก็สภาพไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร คือสภาพหมดสติค่ะ คือก่อนหน้านี้หลายเรื่องมันเข้ามารวมกัน มันทำให้หนูเครียดมาก จนกระทั้งว่าหนูไม่ได้ทานข้าว ไม่ได้นอน ก็คือไม่ทานข้าวไม่นอนเลย มันก็เลยสะสม จนหนูวูบไป”

สาเหตุไม่กินข้าว ไม่นอนเลยมันเกิดจากอะไร?

“หนูเครียดเรื่องข่าวที่ผ่านมา ทั้งข่าวไซยาไนด์ และเรื่องที่ว่าคนตัดสินหนูไปเรียบร้อยแล้วตอนนั้น หนูก็เหมือนกับว่าอยู่ในภาวะที่เครียด เครียดมาก งานก็แคนเซิน คือที่รับมาแล้วก็คือแคนหมดเลย ลงตารางไว้แล้ว เก็บเงินไว้แล้วด้วย ก็คือต้องคืนหมดเลย”

คอมเมนต์ในโลกโซเชียลหลายคนคิดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย?

“ใช่ค่ะ ขนาดคุณแม่เข้ามาถึงคือหาขวดยาก่อนเลย หาว่ามียาหล่นหรือเปล่าหรือว่าหนูกินยาอะไรเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ”

ขออนุญาตถามเรื่องแฟนความสัมพันธ์เลิกไม่เลิก?

 “กำลังอยู่ในช่วงที่ห่างกันค่ะ เพราะตั้งแต่มีข่าวต่างคนก็ต่างแย่ เค้าเองคุณแม่เพิ่งเสีย และหนูเองก็มีปัญหาตรงนี้ คุณแม่หนูก็ป่วย ก็เลยต่างคิดว่าต่างคนต่างทำงานก่อนแล้วกันนะ และก็เป็นกำลังใจให้กัน แล้วเดี๋ยวเราแข็งแรงขึ้นมา ค่อยมาดูว่าเราจะใช้ชีวิตต่อไปในทิศทางไหน” 

 ไม่ได้ถึงกับเลิก แต่เป็นกำลังใจให้กันยังไง?

 “เป็นกำลังใจให้กันตลอดค่ะ เค้าเรียกว่าซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน คอยบอกว่าให้เห็นคุณค่าของตัวเองเยอะๆนะ สู้ๆ 

 พร้อมกลับมารับงานเพราะต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ป่วย?

 “หนูได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เพราะว่าหนูได้รู้อะไรหลายเรื่องเยอะขึ้น มีสติเยอะขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น คือไม่ว่าจะล้มกี่ครั้งเราสามารถลุกขึ้นมาได้เสมอ ถ้าเราตั้งใจจริงๆ และก็กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆ โดยเฉพาะครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ และก็ในวันที่หนูทุกข์หรือว่าหนูลำบากก็ตามจะเห็นคนที่หยิบยื่นอะไรดีๆหรือว่าคอยช่วยเหลือ ในวันที่หนูไม่มีหรือว่าหนูลำบาก หนูได้เห็นตรงนี้ หนูรู้สึกดีใจและรู้สึกว่าหนูโชคดีด้วย ที่ยังมีคนที่รักหนูและเข้าใจหนูและยังพร้อมที่จะช่วยหนู”