ข่าวบันเทิง 2023-08-01 22:51:44 36.39k
“บิ๊กเอ็ม” เปิดใจ วันที่ไร้สังกัด “แม่” ปล่อยโฮกินข้าวทั้งน้ำตา

เคยตกเป็นข่าวใหญ่โต คดีถูกล็อตเตอร์รี่ทิพย์ จนโดนต้นสังกัดเก่ายกเลิกสัญญาแบบฟ้าผ่า ล่าสุดพระเอกสายบู๊  “บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์” เดินหน้าเป็นนักแสดงอิสระ ซุ่มรับงานละครฟอร์มใหญ่ช่องดังเพียบ แถมยังผันตัวทำเพลงเอง แนวฉบับฮอตฮิตลูกทุ่งอีสาน ซิงเกิ้ลเพลง “เจ็บแล้วเจ็บอีก” พร้อมมาเปิดใจย้อนเล่าถึงวิกฤตชีวิตผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม”กับพิธีกรตัวแม่ “หนูแหม่ม สุริวิภา” ถึงวันที่ไร้งานไร้สังกัด และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้


ย้อนไปถึงตอนที่โดนฟ้าผ่ายกเลิกสัญญาช่อง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

 “ตอนนั้นผมไปเที่ยวกับคุณแม่ที่แก่งกระจาน เริ่มมีข่าวออกมาแล้วผมก็ยังเที่ยวกับคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง สักพักนึงก็เริ่มมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาคุณแม่เยอะขึ้นๆ เครียดจนขนาดที่ว่าไปเที่ยวทริปนั้นไม่มีความสุขเลย แล้วแม่ก็เข้าไปหลบในรถแล้วก็ร้องไห้ ข้าวก็ไม่กิน แล้วก็เที่ยวด้วยน้ำตา พอกลับมาก็เป็นข่าวใหญ่โตเลย แต่ก็ผ่านมันมาได้ ทำให้เราต้องคิดเรื่องรับงานและไว้ใจคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น”


 ผันตัวมาเอาดีด้านร้องเพลง ทำเพลงเองปล่อยซิงเกิ้ลออกมาให้แฟนๆฟัง?

“คือผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาไปอีเวนต์หรือไปโชว์ตัวจะได้ออกไปร้องเพลงเยอะมาก ได้ไปคอนเสิร์ตเยอะมาก การแสดงผมมาที่หลัง ถ้าถามถึงพรสวรรค์ของผมแต่เด็กเลยคือผมชอบร้องเพลงมากกว่ามาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีใครรู้ครับ ที่ผ่านมาที่ผมร้องจะเป็นเพลงประกอบละคร อันนี้เป็นซิงเกิ้ลเดียวทื่ทำขึ้นมาใหม่หมดเลย เป็นเพลงแนวอีสานร่วมสมัย ดนตรีทันสมัยแต่เนื้อเพลงจริงๆเป็นเพลงอีสาน”


ตอนนี้วางแผนชีวิตในวงการยังไงบ้าง?

 “ผมกำลังจะเปิดกล้องนะครับ มีงานละคร 2เรื่อง และเมื่อวานก็เพิ่งมีติดต่อมาอีกเรื่องนึง เป็นฟอร์มใหญ่หมดเลย สำหรับเรื่องงานเพลงก็มีแพลนที่อยากจะทำเพิ่มเหมือนกัน ก็กำลังดูแนวๆกันอยู่”


เห็นว่าเป็นสายมู มูหนักมากเลยมีงานเข้ามาตลอด?

 “ผมคิดว่าของผมน่าจะไปตรงกับพ่อพระพิฆเนศ เพราะว่าองค์พ่อเคยช่วยชีวิต เคยเปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว ก่อนจะเข้าวงการเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงผมทำงานบริษัทมาก่อน แล้วผมก็มีความจำเป็นที่ต้องออกจากงาน เพราะว่างานในวงการมันเริ่มเข้ามาเยอะแล้ว ตอนนั้นยังเป็นแค่นายแบบอยู่ก็เลยตัดสินใจ แล้วตอนนั้นเป็นเดือนสุดท้ายที่ผมจะต้องทำงาน เราก็เลยไปขอพระพิฆเนศที่ห้วยขว้าง ไปแบบงงๆเลยตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเทพฮินดูคืออะไร ตอนนั้นไปกินแล้วก็เลยลองแวะดูไปไหว้ ตอนนั้นเงินเหลือติดในบัญชีอยู่ 5,000 อีกซัก 4วันจะถึงสิ้นเดือนแล้ว ที่นี้ผมไปเจอพระพิฆเนศองค์นึง เป็นองค์เล็กๆองค์นึงแล้วผมอยากได้มาบูชา ราคาองค์ประมาณสี่พันนิดๆ ก็คิดว่าถ้าบูชาไปต้องไม่มีเงินกินแน่นอน ก็เดินวนอยู่ตรงนั้นประมาณสองสามรอบ จนคนขายเค้าก็บอกว่าเอาไปเถอะพ่อเลือกแล้วเนี้ย เอาไปบูชาเถอะ ก็เลยตัดสินใจลองเสี่ยงดู กำเงิน 5,000 จัดเลยบูชากลับมา แล้วมาไหว้ที่บ้านหลังจากนั้นผมไปแคสงานโฆษณาแล้วก็ได้เลย ตอนนั้นค่าตัว 80,000บาท”



รูปภาพเพิ่มเติม