หลังจากที่เข้าพิธีอุปสมบทศึกษาพระธรรมคำสอนตลอดระยะเวลา 3 เดือนเต็ม ณ วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง อำเภอแม่ริม ในจังหวัดเชียงใหม่

ล่าสุด  เป๊ก สัณณ์ชัย เองตระกูล  ที่ได้ลาสิกขาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับขากการบวชในครั้งนี้

"ผมบวชตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนถึงเดือนพฤศจิกายน และนี่ก็เพิ่งจะสึกมาได้ 3-4 วัน ก็รู้สึกนานนะ แต่ก็ได้อะไรครับครับ คือจริงๆ ตัวผมเองบวชมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่บวชแล้วอายุมากที่สุด มันก็เลยได้อะไรออกมาเยอะจริงๆ ถามว่าจุดประสงค์ของการบวชครั้งนี้คืออะไร เอ่อ…มันเหมือนเราใช้ชีวิตข้างนอกมาอย่างเต็มที่อ่ะครับ พอได้เข้าไปอยู่ตรงจุดนั้นมันก็ทำให้เราได้ทั้งจิตได้ทั้งบุญกลับคืนมา บวกกับตัวผมเองก็คิดเสมอว่าถ้าหากเราไม่ได้ถือศีลเลย หรือไม่ได้ทำสิ่งดีๆ เลย ชีวิตมันก็อาจจะไม่บาลานซ์ได้เหมือนกัน”

ครั้งนี้เป็นการบวชกระทันหัน หรือว่ามีการวางแผนไว้อยู่แล้ว ?

“เป็นการวางแผนไว้ครับ คือจริงๆ ผมตั้งใจจะบวชทุก 5 ปีอยู่แล้วนะ แต่ครั้งนี้มันนานเพราะว่ามันติดเรื่องโควิด และอย่างที่บอกผมใช้ชีวิตข้างนอกมาแบบเต็มที่จริงๆ ฉะนั้นก็เลยต้องทำให้ตัวเองได้รู้สึกสงบบ้าง ผมอายุ 48 แล้ว มันก็คิดอะไรได้เยอะครับ เป็นสิ่งที่ดี”

เป็นการบวชแก้เคล็ดด้วยไหม ?

“ไม่ได้แก้อะไรนะครับ เพราะผมเองก็ซวยมาทั้งปีอยู่แล้ว ซวยมาตลอดเวลา (หัวเราะ) แต่ถามว่าที่ผ่านมาเคยมีหมอดูทักบ้างไหม ก็มีครับ มี แค่ตัวผมเองไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าซีเรียสอะไรขนาดนั้น และก็อย่างที่บอกเรื่องการบวชเป็นความตั้งใจของผมเองจริงๆ ตั้งใจที่จะบวช”

น้องลียา ได้มีโอกาสไปตักบาตรบ้างไหม ?

“ไปครับ ไป ไปตลอด ธัญญ่าไป ลียาไป คุณพ่อคุณแม่ก็ไปด้วยเหมือนกัน”

รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมหลังจากที่สึกออกมาแล้ว ?

“ที่ต้องปรับหลักๆ เลยน่าจะเป็นเรื่องของอาหารครับ เพราะช่วงบวชผมทานได้แค่ 1 มื้อ และเป็นมังสวิรัติด้วย ไม่มีเนื้อสัตว์ ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องปรับครับ น้ำหนักลดไปประมาณ 12 กิโลกรัม แต่คิดว่าคงแป๊บเดียวครับ เดี๋ยวก็น่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว (หัวเราะ)”

ช่วงที่บวชก็มีดราม่าเกี่ยวกับอดีตน้องสาวที่เราเคยรู้จัก ?

“เอ่อ…จริงๆ แล้วในระหว่างบวชผมไม่ค่อยได้อ่าน ไม่ค่อยได้เล่นโทรศัพท์ แต่ก็รู้นะครับ รู้ว่ามีน้องเขาโพสต์อะไรพูดอะไรเรื่อยๆ แต่ตัวผมเองไม่ได้สนใจและก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วนะครับ มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป ไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน”

เหมือนน้องเขายังไม่จบ ?

“ผมไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้มากกว่า เขาพูดอะไรผมก็ไม่ได้ดูไม่ได้ฟัง และทุกคนก็คงคิดเอาเองกันได้อยู่แล้ว ปล่อยน้องเขาไป ต่างคนต่างอยู่”

เรื่องเกี่ยวกับบริษัทที่น้องเขาออกมาพูดเป็นเรื่องจริงไหม ?

“เป็นเรื่องจริงครับ แต่ว่าบริษัทปิดมาตั้งแต่ปี 64 คือปีที่แล้ว 1 ปี และมันก็อยู่ในขั้นตอนอ่ะครับ ทุกอย่างต้องเป็นขั้นตอนที่กำลังดำเนินการ มีเอกสารมีอะไรครบทุกอย่าง เพียงแต่ผมไม่อยากจะไปโฟกัสตรงนั้น”

เหมือนว่าน้องเขายังกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ?

“จะเชื่อเขาหรือเชื่อผมก็คิดเอาเอง ผมไม่อยากพูดอ่ะ ผมคิดว่าคนคงคิดเอาเองได้”

ทุกอย่างมันสิ้นสุดไปแล้ว ?

“ก็จบกันด้วยดีๆ ไปนะ พี่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขามาพูดทำไม”

จะมีการดำเนินการอื่นๆ เพิ่มเติมไหมสำหรับเรา ?

“ไม่เอา ไม่มีอ่ะครับ เราเพิ่งบวชมา”

ไม่มีการตักเตือน ?

“คือผมพูดอะไรกับเขาไม่น่าจะได้แล้ว ถ้าเตือนเดี๋ยวก็หาว่าอย่างนั้นอย่างนี้อีก ไม่เสี่ยงดีกว่า แต่ก็ขอฝากไว้ว่าเราผ่านกันมาแล้ว ให้ต่างคนต่างไปดีกว่าครับ ก็ขอให้น้องโชคดีนะ เรื่องพี่พอแล้ว (หัวเราะ)”